เพิ่มสินค้าสำเร็จ!
ไม่สามารถเพิ่มสินค้าได้!
สาระน่ารู้ข่าวสาร

เตือนภัย : โรคเหี่ยวของสับปะรด

เชื้อสาเหตุ: เชื้อไวรัส Pineapple mealybug wilt-associated virus (PMWaV)

ลักษณะอาการ

     โรคเหี่ยวสับปะรด หรือเกษตรกรมักเรียกว่า “โรคเอ๋อ” อาการเริ่มแรกเกิดกับระบบราก เซลล์รากตาย เนื้อเยื่อรากเน่า จากนั้นจะแสดงอาการทางใบ ใบจะอ่อนนิ่ม สีเขียวอ่อนหรือสีเหลืองอ่อน ปลายใบแห้งเป็นสีน้ำตาลจนถึงสีแดงลามสู่โคนใบ ใบลู่ลง แผ่แบน ใบไม่ตั้งเหมือนปกติ ใบหักงอ ต้นเหี่ยวและแห้งตาย รากสั้นกุด ถอนต้นออกได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อผลผลผลิต ทำให้ผลไม่พัฒนา ผลขนาดเล็ก หากรุนแรงจะไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ หากปลูกด้วยหน่อจะเริ่มพบอาการเหี่ยวในระยะ 6 เดือนขึ้นไป แต่กรณีปลูกด้วยจุกจะพบอาการในระยะประมาณ 1 ปี พบการระบาดในแปลงต้นตอสูงกว่าแปลงต้นปลูก และสภาพอากาศแห้งแล้งรุนแรงจะยิ่งทำให้เกิดโรครุนแรง

ลักษณะอาการรากเน่าดำ

อาการเหี่ยวใบลู่ ทำให้ผลผลิตเสียหาย

แมลงพาหะและการแพร่ระบาด

     โรคเหี่ยวในสับปะรดมีเพลี้ยแป้ง 2 ชนิด เป็นแมลงพาหะ คือ เพลี้ยแป้งสีชมพูและเพลี้ยแป้งสีเทา ดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นที่เป็นโรคแล้วแพร่เชื้อต่อไปสู่ต้นที่ปกติ ทำให้โรคระบาดลุกลาม เชื้อไวรัสจะเข้าฟักตัวในต้นสับปะรดและแสดงอาการเมื่อพืชอ่อนแอหรือสภาพแวดล้อมเหมาะสม มักเกิดรุนแรงในพันธุ์ปัตตาเวีย

แนวทางการป้องกันแก้ไข

     ปัจจุบันยังไม่มีสารเคมีที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสหลังแพร่กระจายในต้นพืชได้ ดังนั้นเกษตรกรจึงควรป้องกันการแพร่ระบาดเสียแต่เนิ่นๆ

  1. ช่วงเตรียมดิน ให้ตัดต้นและปั่นตอเก่าทิ้งไว้ 2-3 เดือน จากนั้นไถและพรวนดิน 1-2 ครั้ง และเก็บเศษซากพืชทำลายทิ้งนอกแปลง
  2. หลีกเลี่ยงการนำหน่อหรือจุกพันธุ์จากแหล่งที่มีการระบาดของโรคไปปลูกหรือขยายพันธุ์ในแหล่งที่ยังไม่มีโรคระบาด เพราะอาจมีไวรัสแฝงอยู่แม้จะไม่แสดงอาการของโรค
  3. ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงและโรคก่อนปลูก แนะนำ (ไอมิด้า 20 กรัม หรือ เท็นสตาร์ 100 ซีซี) + แท็บอิน 300 กรัม + ซีวิว 300 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดใส่หน่อหรือจุก พอให้น้ำไหลเข้ากาบ แล้วค่อยยกไปปลูก เพื่อป้องกันกำจัดแมลงและโรค หน่อคุณภาพดี ตั้งตัวเร็ว ทนแล้ง
  4. ตรวจแปลงเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง หากพบต้นที่แสดงอาการของโรคต้องรีบเก็บเผาทำลาย และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงพาหะแนะนำ อะวอร์ด40เอสซี 100 ซีซี + (ไอมิด้า 20 กรัม หรือ เท็นสตาร์ 100 ซีซี หรือ อะซีทามิพริด20 100 กรัม หรือ ดีฟีส50 200 ซีซี) ต่อน้ำ 200 ลิตร
  5. สร้างความแข็งแรงให้เซลล์พืช ลดการเข้าทำลายของโรค แนะนำ ยูแคลมิกซ์ 200 ซีซี หรือ นีโอ-ไอแคล 200 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร

หมายเหตุ

     – เพื่อป้องกันการดื้อยา ไม่ควรใช้สารกลุ่มเดิมติดต่อกันเกิน 2-3 ครั้ง

     – เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสาร ควรผสมคัพเวอร์กรีน 100 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ก่อนผสมสารทุกครั้ง

สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานยูนิไลฟ์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ยูนิไลฟ์ สำนักงานใหญ่ โทรศัพท์ 02-399-5555 หรือ ไอดีไลน์ @unilife



bakerdepolama.com
วิธีสั่งของออนไลน์
นโยบาย คุกกี้

บริษัท ยูนิไลฟ์ ฯ ใช้คุกกี้ เพื่อบันทึกการเข้าเยี่ยมชมและสมัครเข้าใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยทำให้ บริษัทฯ สามารถจดจำการใช้งานเว็บไซต์ของท่านได้ง่ายขึ้น และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของ ยูนิไลฟ์ ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดความรวดเร็วในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน และในบางกรณี ยูนิไลฟ์ จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามช่วยดำเนินการดังกล่าว ซึ่งอาจจะต้องใช้ อินเตอร์เน็ตโปรโตคอลแอดเดรส (IP Address) และคุกกี้เพื่อวิเคราะห์ทางสถิติ ตลอดจนเชื่อมโยงข้อมูล และประมวลผลตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด

Designed By: josen